OLED

ความเป็นมาขอจอภาพ OLED
         เริ่มจากเทคโนโลยี LCD ได้ถูกคิดค้นตั้งแต่ปี 1970 โดย นาย Fergason ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำไปพัฒนาใช้งานกับอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์แบบพกพา และแบบตั้งโต๊ะหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอล หน้าจอMP3หรือแม้แต่ทีวี
         LCD ย่อมาจาก Liquid Display เป็นจอภาพแบบดิจิตอล ทำให้สามารถสร้างภาพที่มีสัดส่วนได้ถูกต้องมากกว่าจอแบบ CRT ที่ทั้งใหญ่ เทอะทะ จอภาพมีความแบน สามารถแสดงตัวอักษร และภาพได้โดยไม่เกิดการกระพริบของจอภาพ (Flicker) ซึ่งทำให้ลดความเมื่อยล้าในการมองได้มาก
         LCD เป็นแผงแสดงผลที่ใช้หลักการควบคุมแสง ไม่ได้ใช้การเปล่งแสงออกมาจากแหล่งกำเนิดแสงเหมือนกับจอ CRT แบบเก่า จึงแสดงผลได้แม้ในสิ่งแวดล้อมที่มีแสงจ้าหรือกลางแจ้ง การมองเห็นทำได้อย่างชัดเจนไม่จาง ใช้กำลังไฟฟ้าต่ำมาก จึงทำให้สามารถนำเทคโนโลยี LCD ไปพัฒนาใช้ในวงจรคอมพิวเตอร์หรือวงจรดิจิตอลทั่วไปได้ง่าย การแสดงผลของ LCD มีความคมชัด ไม่มีการกระพริบหรือภาพสั่นไหว ไม่สร้างสัญญาณเสียงรบกวนมีขนาดกะทัดรัด นำหนักเบา แบนราบ ขนาดแสดงภาพมีขนาดเหมาะสมกับการประยุกต์เข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อมาแทนที่เทคโนโลยี LCD คือ OLED (Organic Light Emitting Diode )
         OLED ย่อมาจาก Organic Light Emitting Diode คือ อุปกรณ์เปล่งแสงอินทรีย์ ถูกพัฒนาเพื่อมาแทนที่เทคโนโลยี LCD มีจุดกำเนิดจากการค้นพบโดยบังเอิญของนักวิจัยมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Kodak ด้วยการใช้วัสดุที่สร้างจากสารประกอบอินทรีย์(Organic Compounds) และใช้หลักการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าในการสร้างให้เกิดภาพ

กลไกของกระบวนการElectro Luminescence
         การเปล่งแสงแบบลูมิเนสเซนต์เกิดจากการที่อะตอมหรืออิเล็กตรอนเปลี่ยนสถานะจากระดับพลังงานสูง ลงมาสู่สถานะที่ระดับพลังงานที่ต่ำกว่าและการลดระดับพลังงานนี่เองที่ทำให้มีการคายพลังงานออกมาในรูปของแสงสว่าง
ลูมิเนสเซนต์สังเกตได้ทั้งในวัสดุก๊าซ ของเหลวและของแข็งและทั้งวัสดุอินทรีย์และอนินทรีย์ วิธีการกระตุ้นเพื่อให้พลังงานก็มีหลายวิธี เช่นการส่องแสง การยิงลำอิเล็กตรอน การเพิ่มความร้อน การทำให้เกิด ปฏิกิริยาทางเคมี การป้อนสนามไฟฟ้า ฯลฯ
สำหรับ OLEDนั้นใช้วิธีการกระตุ้นด้วยการป้อนสนามไฟฟ้า

Design downloaded from Free Templates - your source for free web templates